บ่นปัญหารับน้อง/ประชุมเชียร์
พูดเรื่องรับน้อง/ประชุมเชียร์
ก็พูดกันทุกๆปี ปัญหาก็ไม่เคยลดลง
อันที่จริงการพูดถึงปัญหาเรื่องรับน้อง/ประชุมเชียร์ก็ช่วยได้ในส่วนของการตื่นกระแส
เพื่อขยายปริมณฑลของการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งการรับรู้ร่วมกันนี้เอง อาจทำให้กระแสสังคมกดดันรูปแบบกิจกรร
ตลอดจนโครงสร้างทางอำนาจระหว่างรุ่นพี่/รุ่นน้อง ให้เบาลงได้
แต่ทำไมปัญหายังคงอยู่
ทั้งที่สังคมมีการรับรู้ปัญหาพวกนี้ได้ไวกว่าสิบปี่ยี่สิบปีก่อน ด้วยกับความรวดเร็วของโลกข้อมูลข่าวสาร
? เราเห็นประกาศจากองค์กรกิจกรรมระดับมหาลัย
ตลอดจนการสร้างกรอบแนวคิดหรือธรรมเนียมปฏิบัติขึ้นมาใหม่ เพื่อการแก้ไขปัญหาพวกนี้
แต่ก็ยังเกิดปัญหาให้เห็นกันดาษดื่น
ปัจจัยที่ดูเหมือนจะชัดเจนมากก็คงเป็นเรื่องของโครงสร้างทางสังคมที่แสดงออกเชิงสถาบันผ่านการยอมรับสนับสนุน
โดยครูบาอาจารย์ รุ่นคณะ/มหาลัย ตลอดจนระบบอุปถัมป์ที่รายล้อมและดำรงอยู่ในกระบวนการทางสังคมอย่างประปราย
เมื่อปัจจัยเป็นภาพใหญ่เกินตัวก็ยากเกินตัวที่จะควบคุมทั้งหมดแล้วจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไรในเมื่อปัจเจกอยู่ภายใต้สภาวะของปัญหาที่ควบคุมไม่ได้
อย่างไรก็ตาม
เราสามารถตักข้าวเข้าปากตัวเองได้ โดยที่ไม่มีใครต้องป้อนให้ เว้นแต่เสียว่า
เราพิการ หรืออยากให้ใครป้อนให้เป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลที่แสนพิเศษบางอย่าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของคนพิเศษ
หมายความว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำแบบนั้น ซึ่งก็ต้องได้รับการยินยอมจากเรา
ความคิดก็เช่นกัน
หากเราเชื่อว่าเรากำหนดได้ เหนือเนื้อตัวและร่างกายเรา ก็ย่อมหมายความว่าชีวิตเรามีเหตุผลพอที่จะดำรงอยู่และเลือกกระทำได้
ส่วนตัวเชื่อว่า
การขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมของแต่ละบุคคล ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ยังคงปล่อยวางและไม่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างจริงจัง
การขาดอำนาจทางความรู้อันนำไปสู่การตระหนักได้ก็เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ต่างสัมพันธ์กันในฐานะสิ่งที่จะขับเคลื่อนบุคคลให้ตัดสินใจเลือกกระทำ
ภายใต้สิ่งที่ตนมองว่าสมเหตุสมผลพอที่จะกระทำ
เคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งซึ่งเขาประสบปัญหาจากระบบอำนาจนิยมภายในสาขาวิชาของเขา
จนกระทั่งมีคนแนะนำให้มาหาผม ผมให้คำแนะนำเขาว่าควรทำอย่างไรขอความช่วยเหลือและปรึกษาใครนอกเหนือจากนี้ได้บ้าง
ทั้งยังทิ้งท้ายไว้ให้เขาว่า ถึงที่สุดแล้วไม่มีใครช่วยเราได้
นอกจากความกล้าของเราที่พร้อมท้าชน
หลังจากนั้นเค้ายังคงรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ทำและเผชิญอยู่บ้าง
จนกระทั่ง เขาได้ตัดผมทรงสกินเฮดเหมือนกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆในสาขาวิชาของเขา ซึ่งเป็นประเพณีภายในสาขาวิชาที่น้องใหม่ต้องทำเหมือนกัน
ผมได้แค่คิดในใจว่าถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครช่วยน้องเขาได้จริงๆนอกจากตัวเขาเอง เราได้แค่ให้เครื่องมือเขา
นอกเหนือจากนั้นเขาต้องจัดการตัวของเขาเอง
และมันก็น่าเสียดาย
หากชีวิตในระดับอุดมศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงระดับทางปัญญา
ที่ถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้มีการศึกษาในระดับที่สูง กลับกลายเป็นเหยื่อทางความคิด
ของอำนาจที่ไม่มีความสมเหตุสมผลเช่นนั้น
เราไม่มีทางที่จะได้สัมผัสกับความเป็นผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบานได้ ผ่านการหลับตากระทำตามผู้อื่น
เราไม่อาจสัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า
"บัณฑิต" ได้ ..... ไม่เลยแม้เพียงนิดเดียว
ที่มาภาพจาก http://news.sanook.com/2790978/
ที่มาภาพจาก http://news.sanook.com/2790978/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น